วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เงินตกแม้บาทเดียวก็ต้องเก็บ

ชาวจีนที่อยู่ภายในประเทศไทย ได้เปิดร้านค้าขายข้าวสารเป็นจำนวนมาก ขณะที่เลือกทำการค้าขาย ขั้นแรกของชาวจีนจะต้องเพ่งเล็งไปถึงสิ่งของจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันก่อนอื่น ดังนั้นชาวจีนในประเทศไทยจึงมีสมญานามกันว่า "ราชาข้าวสาร"

ในกรุงเทพ มีเถ้าแก่ที่ร้านค้าข้าวสารใหญ่ 1 ร้านใน 3 ร้าน เป็นคนเข้มงวด กวดขัน เคร่งครัดอย่างยิ่ง บางครั้งเขาจะตำหนิลูกหนุ่ม ๆ อย่างชนิดที่ไม่ยอมฟังคำโต้แย้งประการใดทั้งสิ้น



"จงมองดูที่พื้น สิ่งของสำคัญตกหล่นลงพื้นแล้ว"

เขาร้องเตือนลูกจ้าง ลูกจ้างรีบก้มมองลงไปที่พื้นทันที แต่ไม่เห็นมีอะไรทั้งสิ้น

"ไม่เห็นมีอะไรเลย"

คำตอบอย่างนี้ ทำให้เถ่าแก่ตำหนิยิ่งขึ้น เมื่อได้ผ่านหลายครั้งอย่างนี้แล้ว จึงเริ่มต้นแนะนำบนพื้นข้างล่างกระสอบข้าวสารมีเมล็ดข้าวสารตกหล่นอยู่ใช้ให้เขาเก็บข้าวสารขึ้นมา จัดการเอาใส่ภายในกระสอบข้าวสาร

แต่ทว่ามิได้กล่าวตำหนิเถ้าแก่คนขี้เหนียวเกินไป เขาเป็นผู้ที่เข้าใจผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเขามากทีเดียว เขามีสายตามองเห็นผู้ที่ประพฤติตนเป็นคนดีอย่างไม่จอมปลอมกับผู้ที่ไม่รู้จักปาบบุณคุณโทษต้องประสบกับความลำบากตั้งแต่ต้นจนปลาย กับตอบผู้อื่นด้วยความสุภาพและเที่ยงธรรม อีกด้านหนึ่ง ยามเล่นหาความสนุกสนาน เขากลายเป็นคนเจ้าชู้ เจ้าสำราญ ยอมจับจ่ายเงินมาสร้างสรรค์บรรยากาศอย่างนี้ด้วย

แต่ทว่าเกี่ยวกับการค้าขายก็ไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย เขามีปรัชญาการค้าของเขา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังสังเพียงใด หรือผู้ที่มีความดีเด่นสักเพียงใด หรือผู้ที่มีชื่อเสียงทางวัฒนธรรมเหล่านี้ได้มาพบปะกับเขาเวลานั้น นอกจากเรื่องข้าวสารแล้วก็ไม่สนใจเรื่องอย่างอื่นแม้แต่น้อบ ก่อนอื่นกล่าวถึงพ่อค้าเวลาเป็นเงินเป็นทอง ดังนั้นจึงไม่รู้สึกสนใจกับคนที่มีเวลาว่างเปล่าเหล่านั้น

ถึงแม้ว่าเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของโลก แม้ว่าอยู่ในสภาพการณ์อย่างไรที่ถูกแนะนำ เขาก็จะปฏิเสธไม่ยอมพบด้วยอย่างเด็ดขาด

เมื่อเป็นเช่นนี้พวกท่านพบเห็นเหรียญบาทอันหนึ่งตกอยู่บนพื้นถนน ท่านจะเก็บมันขึ้นมาหรือไม่?

“ฉันจะเก็บเมื่อพบเห็นเงินร้อยกว่าบาทขึ้นไป”

เจ้าหน้าที่สาวชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งตอบอย่างนี้ เนื่องจากมีความคิดเห็นอย่างนี้ ดังนั้นจึงไม่มีวาสนากับเงินทอง นี่เมื่อกล่าวสำหรับชาวจีนแล้ว จากประสบการณ์ที่พวกเขาได้พบเห็นผ่านมาด้วยตนเอง เมื่อมีเงินอยู่ 1 บาทแล้วบวกไป 99 บาท ก็จะได้ 100 บาท

มีสุภาษิตจีนคำหนึ่งกล่าวว่า “ผู้ที่จ้องดูบนพื้นดินไม่ควรไว้ใจเขาในเรื่องเงินทอง” ซึ่งหมายความถึงคนที่โลภมากอย่างไม่รู้จักอิ่ม
สายตาจ้องจับ บนพื้นดินอย่างเป็นประกายโดยมีความคิดอยากได้รับผลประโยชน์บางอย่างที่ไม่ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย บุคคลประเภทนี้บุคคลประเภทนี้ย่อมไม่ควรไว้ใจเรื่องเงินทอง ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น หมายถึงโอกาสบังเอิญ มีความรู้สึกทางจิตใจ เมื่อพบเห็นเงินบนพื้นถนน ดังนั้นขณะที่ข้ามถนนตรงทางสี่แยก ไม่ว่าจะมีเงินตกหล่นอยู่บนพื้นถนนเท่าใด ล้วนแต่ต้องนึกถึงต เองก่อนอื่นเป็นสำคัญ นี่เป็นทัศนะความร่ำรวย ของชาวจีนคนหนึ่งที่อยู่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นก็มีสุภาษิตคำหนึ่งเหมือนกันที่กล่าวว่า

“อย่าดูหมิ่นเงิน 1 เซ็นต์ เงิน 1 เซ็นต์นี้สามารถทำให้วีรบุรุษสะดุดหกล้มได้” กับคำพังเพยที่กล่าวไว้ว่า “พระราชอาณาจักรจะเจริญรุ่งเรืองหรือล่มจมได้อยู่ที่เงิน 1 เซ็นต์”