วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ไม่พักผ่อน ไม่เกียจคร้าน ไม่เจ็บไข้

เคล็ดลับที่ประสบกับความสำเร็จของชาวจีนภาคโพ้นทะเลไกล ในที่สุดก็คือ "การไม่ลีมตน "

ไม่พักผ่อน ไม่เกียจคร้าน ตื่นแต่เช้า นอนแต่ดึก ตรากตรำทำงานอย่างไม่คำนึงถึงชีวิต ยึดมั่นในหลักการค้า ไม่ยอมหลงเชื่อฟังคำเล่าลือ ยามชื้อสินค้าก็พยายามเฉือนฟันราคาลงอย่างสุดเหวี่ยง ยามขายสินค้าก็ไม่ยอมลดราคาลงอย่างสุดเหวี่ยงด้วย ช่วงชิงการจำหน่ายสินค้าด้วยเอากำไรแต่น้อยแต่จำหน่ายจำนวนมาก เพื่อความคล่องตัวของทุนหมุนเวียนให้มีอัตรารวดเร็วยิ่งขึ้น เมื่อสินค้าออกจากร้านแล้ว ไม่ยอมเปลี่ยนคืน อีกด้านหนึ่งพวกเขาไม่สนใจกับสุขภาพร่างกาย โโยเฉพาะเรื่องอาหารการกินเป็นอย่างยิ่ง นี่หมายความถึงว่าพวกเขายอมรับว่า "ร่างกายที่มีสุขภาพอันดี เป็นต้นทุนที่สำคัญของชีวิต"



ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่ามีผู้คนจำนวนมากยอมรับว่าถ้อยคำดังกล่าวล้วนแต่เป็นเหตุผมธรรมดาที่ทุก ๆ คนทราบกันแล้วทั้งสิ้น ไม่เห็นน่าแปลกประหาดอะไร แต่เมื่อได้ทราบเหตุผลอย่างนี้แล้ว ยังมีความแตกต่างกันไกลกันอย่างใหญ่หลวงกับชาวจีนที่ได้ปฏิบัติอย่างแท้จริงเหล่านั้น ผู้มีพลังวังชาอันแข็งแรงเท่านั้น นั่นแหละจึงจะสามารถเทียบเคียงกับชาวจีนนั้นได้ พร้อมกับสามารถคลี่คลายเปอดโปงเคล็ดลับของชาวจีนเหล่านั้นได้ด้วย

เมื่อชาวไทยประกอบกิจการค้าได้ดีขึ้นเล็กน้อย ก็คือ หาลูกจ้างมาใช้สอย ผู้ที่เป็นนายห้างหรือเจ้าของร้านก็คิดไปเล่นกอล์ฟ หรือแทงบิลเลียต ส่วนภรรยาของนายห้างหรือเจ้าของร้านก็คิดจะไปชมภาพยนต์

ชาวจีนโพ้นทะเลไกลจะไม่ลีมปณิธานของตนเองเด็ดขาด ก่อนหน้ายังไม่บรรลุเป้าหมาย ภรรยาเจ้าของร้านยังคงเลี้ยงบุตรที่เพิ่งสอนเดินเหล่านั้น บนหลังยังเอาผ้าห่อสะพายบุตรคนเล็กไว้ พร้อมกับยังต้องทำงานภายในบ้าน และดูแลหน้าร้าน ตัวเจ้าของร้านยังสวมกางแกงตัวเก่าอยู่ตลอดปี หลบนอนวันละ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น วิ่งเต้นวุ่นวายไปทั่วทุกหนแห่ง พวกบุตรก็ช่วยเหลือผู้ใหญ่ทำงานมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อเลิกเรียนแล้วหลังจากทำการบ้านเสร็จ ก็ช่วยเหลือดูแล หร้าร้าน หรือออกไปทำงานอดิเรกนอกบ้าน

ไม่ว่าร้านค้าหรือกิจการงานจะขยายตัวใหญ่โตสักเพียงใด พวกเขายังรักษาอุดมการณ์ดั้งเดิมของตนไว้อย่างนี้ ถ้าหากลืมตนหรือแสวงหาความสุขสนุกสบายหรือครองชีพอย่างสุขสบายเล็กน้อยทำให้พวกเขาสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ พวกเขาก็จะถูกผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงโดยรอบ พากันเหยียดหยามพร้อมกับไม่ไปมาหาสู่ด้วย