วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การต่อสู้ด้วยมือเปล่า

เมื่อหนุ่มชาวจีนคนหนึ่งโดยสารเรือทะเลมาด้วยเสื่อผืนหมอนใบ อาศัยดาดฟ้าเรือเป็นที่ชุกกายนอน สวมใส่เสื้อผ้ายับยู่ยี่ที่เก่าคร่ำครึ สมบัติอันลำค้าที่เขามีอยู่อย่างเดียวคือ ... เศษกระดาษที่เขียนแผนที่บอกสถานที่ตั้งของหอการค้าจีนหรือสมาคมตระกูลของเขาพร้อมกับจดหมายแนะนำฉบับหนึ่ง



















หลังจากนั้นไม่นานนัก เขาก็ได้เข้าไปทำงานในร้านค้าของญาติมิตรสหายร่วมตระกูลของเขา ซึ่งคนทั้งหลายมักเรียกเขาว่า
"ซินตึ้ง" ทีแรกเขาจะพูดภาษาไทยปนจีนที่ไม่ชัดมักจะเป็นที่ชวนหัวของคนทั่วไป เขาทำงานเป็นลูกจ้างในร้านค้าแห่งนั้นผ่านไป 1 ปีได้อย่างรวดเร็ว

ต่อมาภายหลัง เขาก็เปิดร้านค้าขายก๋วยเตี๋ยวบะหมี่หรือข้าวต้มกุ๊ยที่อยู่ภายในตรอกเล็ก ๆ ซึ่งภายในร้านมีโต๊ะเก้าอี้วางให้ลูกค้านั่งเพียง 4- 5 คนพร้อมกับได้อาศัยสถานที่แห่งนี้เป็นที่พักหลับนอนด้วย แน่นอนทีเดียวเขาได้เช่าเซ้งร้านค้าแห่งนี้มา เวลาผ่านไปอีก 1 ปีล่วงแล้ว เขาชื้อร้านค้าอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ภายในซอยเล็ก ๆ ในเวลาเดียวกันได้ลงทุนก่อสร้างปรับปรุงร้านค้าเดิมพร้อมกับได้มอบหมายให้ผู้อื่นดำเนินกิจการแทน

เวลาผ่านไปเช่นนี้ได้ 3 ปีเศษอาคารหลังใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่ไกล้เคียงได้กลายเป็นสมบัติของเขาไปเสียแล้ว

เหตุการณ์นี้เป็นชีวิประวัติย่อ ๆ ของชาวจีนภาคโพ้นทะเลไกลคนหนึ่งเขามาอาศัยอยู่ภายในผืนแผ่นดินไทยไม่ถึง 15 ปี ปัจจุบันนี้ไม่ใช่แค่เขามีอาคารร้านค้าหลังใหญ่แห่งเดียวเท่านั้น ยังมีทรัพย์สมบัติหลายร้อยล้านบาท

"ซินตึ้ง" หรือหนุ่มชาวจีนคนนี้ไม่มีใครเรียกเขาว่า "ซินตึ้ง" อีกแล้วเขาได้เปลี่ยนชื่อแซ่กลายเป็นสกุลคนไทยร้อยเปอร์เซนต์ เป็นบุคคลที่มีอิธิพลในวงการค้ากับสถาบันการเงินของประเทศไทยคนหนึ่ง

นี่หาใช่ตัวอย่างของบุคคลที่มีโชคดีอย่างพิเศษ แต่เป็นประสบกาณ์ชีวิตของชาวจีนโพ้นทะเลทั่วไปอย่างธรรมดาเหลือเกิน บางคนเริ่มต้นจากการค้าขายเต้าส่วน จนกระทั่งเป็นเจ้าของธนาคารที่มีชื่อเสียงโด่งดัง บางคนเริ่มต้นจากการเป็นกุลีแบกกระสอบข้าวสาร จนกระทั่งเป็นเจ้าของโกดังข้าวสารหรือนายยกสมาคมพ่อค้าข้าวสารแห่งประเทศไทย บางคนเริ่มจากช่างฟิต ช่างเครื่องโรงสีจนมั่งคั่งร่ำรวยล่ำซำขึ้นมา

ที่เรียกกันว่า "การต่อสู้ด้วยมือเปล่า" อุปมาเหมือลูกยางที่ลอยไปไกลจากต้น เหมือนกับชาวจีนภาคโพ้นทะเลไกลที่เร่ร่อนล่องลอยไปสู่ต่างแดนอย่างไม่รู้สึกตน บากหน้ามาเสี่ยงชีวิตกับชะตากรรม พลังกับความสามารถของพวกเขา ทำให้ฝรั่งชาวยุโรปต้องพากันกล่าวออกมาอย่างอัศจรรย์ใจว่า














"คนผิวขาวเลี้ยงโค แต่ผู้รีดนมกลับเป็นคนจีน"

เมื่อเป็นอย่างนี้ พลังความสามารถและหลักการค้าอันเป็นพรสวรรค์ของชาวจีนภาคโพ้นทะเลไกล ในที่สุดได้มาจากแห่งใด ?